การออกกำลังกายแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ “แอโรบิก” กับ “แอนแอโรบิก” ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันยังไง และเราควรออกกำลังกายแบบไหน ไปอ่านกันครับ

#แอโรบิกคืออะไร

แอโรบิก (Aerobic) คือ การออกกำลังกายแบบ “ใช้ออกซิเจน” เป็นตัวช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันให้เปลี่ยนไปเป็นพลังงานแก่ร่างกาย ลักษณะการออกกำลังกายจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่อาศัยความต่อเนื่องของเวลา เน้นความทนทาน (Endurance) และเป็นการออกกำลังกายที่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 25 นาที อย่างเช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก

#แอนแอโรบิกคืออะไร

แอนแอโรบิก (Anaerobic) คือ การออกกำลังกายแบบ “ไม่ใช้ออกซิเจน” มาช่วยในการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งพลังงานที่ถูกเผาผลาญด้วย Anaerobic จะเป็นพลังงานสะสมที่ร่างกายเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อ (Glycogen) แอนแอโรบิกจะเป็นการออกกำลังกาย ในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างเช่น การเล่นเวท (Weight Training) หรือ Strength Training

#แอโรบิกกับแอนแอโรบิกแตกต่างกันยังไง

1) การใช้ออกซิเจน แอโรบิก=ใช้ออกซิเจน /แอนแอโรบิก=ไม่ใช้ออกซิเจน

2) ระดับความเข้มข้น แอโรบิก=มีระดับความเข้มข้นปานกลาง ต้องทำในระยะเวลาที่นานและต่อเนื่อง/แอนแอโรบิก=มีระดับความเข้มข้นสูงกว่า ใช้ระยะเวลาสั้นกว่า เพราะร่างกายไม่สามารถอดทนทำได้เป็นเวลานานๆ (เน้นไปที่ความแข็งแรงมากกว่า)

3) การเผาผลาญพลังงาน แอโรบิก=จะใช้คาร์โบไฮเดรต (เก็บเป็นไกลโคเจนในกล้ามเนื้อและตับ) และไขมันเป็นแหล่งเชื้อเพลิงหลัก/แอน–แอโรบิก=จะใช้คาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก และสร้างกรดแลคติคเป็นผลพลอยได้ กรดแลคติค (Lactic) สามารถนำกลับมาใช้เป็นพลังงานในกล้ามเนื้อได้

#บทสรุป

แม้ว่าการออกกำลังกายทั้งสองอย่างจะแตกต่าง กัน แต่โดยรวมคือมีประโยชน์กับร่างกายทั้งคู่ ทั้งในแง่ การเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างความแข็งแรง

กุญแจสำคัญอยู่ที่ความหลากหลาย เพราะเวลาที่เราทำอะไรซ้ำๆ ก็จะเกิดอาการเบื่อหน่าย ดังนั้นการออกกำลังกายในรูปแบบที่หลากหลาย จะทำให้ไม่เบื่อ และช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บ

---

อ่านบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ junescottage.com อัพเดตทุกสัปดาห์